ความยั่งยืน (Sustainability) หมายถึง การพัฒนาและการใช้ทรัพยากรอย่างมีความรับผิดชอบ เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของคนรุ่นปัจจุบัน โดยไม่ทำให้คนรุ่นต่อไปในอนาคตต้องเดือดร้อนหรือเสียโอกาสในการตอบสนองความต้องการของตนเอง กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ความยั่งยืนคือการสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกิดการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว และเมื่อพูดถึงคำว่า “ความยั่งยืน” ภาพในใจของใครหลายคนอาจไปไกลถึงนวัตกรรมล้ำยุค พลังงานสะอาด หรือโครงการระดับโลกที่เปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ แต่แท้จริงแล้ว รากฐานของความยั่งยืนในชีวิตมนุษย์เริ่มจากสิ่งที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าเราทุกวัน “ดิน” ดินไม่ใช่แค่พื้นผิวโลกที่เราเหยียบย่ำ แต่คือระบบนิเวศขนาดย่อมที่มีชีวิตอยู่ในนั้น ดินที่ดีเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตเล็กจิ๋ว เช่น จุลินทรีย์ รากพืช ไส้เดือน ซึ่งทั้งหมดทำหน้าที่เหมือนวงจรชีวิตที่ช่วยให้พืชเติบโต มีสารอาหาร มีความชื้น และมีโครงสร้างที่มั่นคงในมุมของการเกษตร ดินคือหัวใจหลักของผลผลิต หากดินดี พืชแข็งแรง ผลผลิตย่อมสมบูรณ์ และเมื่อเกษตรกรมีผลผลิตที่ดี ชีวิตของพวกเขาย่อมก้าวไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นเช่นกัน แต่ในโลกความเป็นจริง ดินจำนวนมากกำลังเสื่อมโทรมลงจากการใช้งานอย่างต่อเนื่องโดยขาดการบำรุง ทั้งจากการใช้สารเคมีเกินความจำเป็น การทำลายหน้าดิน และการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่รุนแรงขึ้น“ดินที่ดี สร้างชีวิตที่มั่นคง” การฟื้นฟูและดูแลดินจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างความยั่งยืนอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงโครงสร้างของดินให้ร่วนซุย การเพิ่มอินทรียวัตถุให้ดินมีชีวิต หรือแม้แต่การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเสริมความแข็งแรงของระบบรากพืช ก็ล้วนเป็นวิธีที่ช่วยให้ดินกลับมาทำหน้าที่ของมันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพสิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อการเพาะปลูกเท่านั้น แต่ยังส่งผลไปถึงระบบอาหาร สุขภาพของมนุษย์ และสิ่งแวดล้อมโดยรวม เพราะเมื่อดินดี ต้นไม้ก็เติบโต อากาศก็บริสุทธิ์ น้ำก็หมุนเวียน และมนุษย์ก็มีอาหารกินอย่างมั่นคง เช่นเดียวกับกรดซิลิคอน (H4SiO4) ชนิดผง และ ชนิดเม็ด ที่เหมาะสำหรับทุกพืช ฟื้นฟูดินด้วยธาตุอาหารรอง ปรับโครงสร้าง เพิ่ม PH ในดิน ทำให้ดินร่วนซุย ตรึงปุ๋ย ดึงแร่ธาตุในดินให้พืชนำไปใช้บำรุงราก ทำให้ต้นพืชแข็งแรงเขียวทนนาน ป้องกันอาการใบเหลือง รากเน่าโคนเน่า “ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต”